คุณเรียนจบหรือยังครับ: Have You Finished Your Studies? | วิธีสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ Job interview





"คุณเรียนจบแล้วหรือยังครับ" คำถามนี้พูดภาษาอังกฤษอย่างไร พร้อมวิธีตอบ


คุณเรียนจบแล้วหรือยัง Have you finished your studies?
สวัสดีครับ ผมชื่อเล้ง ขอต้อนรับน้องๆ เพื่อนๆ ที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานทุกคนครับ

Job Interview Tip Quiz


ถ้าต้องการถามว่า  "ทำไมคุณออกจากงานที่เก่า" เป็นภาษาอังกฤษ จะถามอย่างไร?

พร้อมรับมือหรือยังครับคุณ? อีกคำถามหนึ่งที่คุณจะต้องเตรียมไว้สำหรับตอบคณะกรรมการสัมภาษณ์ยามที่คุณไปสัมภาษณ์งานที่เป็นภาคภาษาอังกฤษก็คือคำถามที่เกี่ยวกับการศึกษานั่นเองครับ กับประโยค

"Have You Finished Your Studies?(คุณเรียนจบแล้วหรือยัง)" คุณจะรับมืออย่างไร โปรดติดตาม


3 สิ่ง จำเป็นอย่างยวดยิ่ง! ที่คุณไม่อาจมองข้ามเมื่อคุณจะต้องกรอกใบสมัครงาน 

โดยทั่วไปแล้ว ใบสมัครงานส่วนใหญ่ทั่วๆไปจะมีช่องรายละเอียดให้กรอกวุฒิการศึกษาของผู้สมัครงานอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี มันก็เป็นธรรมเนียมทั่วไปอีกเช่นกันว่า จะต้องถามเรื่องการศึกษาในการสัมภาษณ์งานเกือบทุกครั้งไป

โอ๊ะ! ไม่สิ...ต้องบอกว่าทุกครั้งถึงจะถูกต้องครับ ข้อมูลของเราเป๊ะๆ อยู่แล้ว

คิดง่ายๆครับ ใบสมัครงานมีอะไรให้เรากรอกบ้างครับ?

ก็คงไม่พ้น

# ข้อมูลส่วนตัวทั่วๆไป

ชื่อ นามสกุล อายุ สถานะครอบครัว มีลูกมี-ัวหรือยัง มีลูกมีเ-ียหรือไม่ โห! ใช้คำพูดชาวบ้านๆน่าดูเลยผม (จริงๆเป็นคนสุภาพเรียบร้อยนะครับ เชื่อเถอะ เห่อ ๆ)

# ประวัติการศึกษา

นั่นไง ก็ในเมื่อเขาให้เรากรอก แสดงว่าเขาต้องถามคุณอีกแน่ (ถึงแม้ว่าจะกรอกไว้จนครบตั้งแต่เตรียมอนุบาลจนถึงดอกเตอร์ 2 ใบก็ตามที) กรอกแล้วก็กรอกไป จะถามอีกจะทำไมล่ะ(เป็นความในใจที่กรรมการสัมภาษณ์งานทุกคุณเขาคิดกัน)




# ประสบการณ์การทำงาน

ฝึกงาน อบรม เดินทางไปดูงานต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อนๆก็กรอกลงไปครับ เดี๋ยวพอผู้สัมภาษณ์เขาเห็นปุ๊บ เขาก็มองออกปั๊บเลยว่า คุณมี Profile ประมาณไหน อย่างไร เมื่อนำไปประกอบกับคำสัมภาษณ์ด้วยปากเปล่า(Verbal interview) เขาก็พอจะอนุมานศักยภาพเบื้องต้นได้แล้วว่าเหมาะสมกับตำแหน่งหรือว่าบริษัทของเขาหรือไม่ อย่างไร

*ความลับ(ที่ไม่ลับ) แต่มันจะยังคงเป็นความลับต่อไปตราบใดที่คุณไม่รู้!

คุณทราบไหมว่าเมื่อคุณออกจากห้องสัมภาษณ์งานไปแล้ว พวกกรรมการที่สัมภาษณ์คุณเขาพูดคุยอะไรกันต่อ?

ผมจะบอกคุณให้ก็ได้ครับ แต่ขออย่างเดียวครับว่า เมื่อรู้แล้วขอให้เหยียบไว้ตรงนี้เลยนะครับ อย่าแพร่งพรายไปเด็ดขาด เ พ ร า ะ ว า า ว่า มันเป็นเรื่องเร้นลับครับ

เอ่อ! สรุปเอาคนไหนดีล่ะ?

คนแรกก็ดีนะ แต่ขอเงินเดือนมากไปหน่อย ไม่รู้จะผ่านการพิจารณาจากเบื้องบนหรือเปล่า...

ไอ้คนหลัง คนที่สามน่ะคุณว่าไง เก่งนะ แต่ประสบการณ์ไม่ค่อยตรงซักเท่าไหร่ คุณว่าไง?

คนที่สองผมไม่เอาหรอกนะ กลัวมาเป็นภาระซะมากกว่า แทนที่จะมาช่วยงานผม...

หึ๋ย! คุณไม่เอานาย...เหรอ?...อย่าเลยพี่ ปล่อยให้เขาไปสบายๆเถอะ (มันเหมียนความว่าจั๋งใดน้อ)

เอ้า...พี่เขียน comment เพิ่มให้หน่อยถ้าพี่จะเอาคนนี้น่ะ ขืนพี่ปล่อย blank blank แบบนี้รับรองแห้วเหมือนเดิม ไม่ได้คนซักกะที!

นี่เป็นบางท่อนบางตอนของการตัดต่อแผ่นฟิล์มเท่านั้นครับ ไว้ผมมีโอกาส จะฉายแบบเต็มม้วนให้ชมกันให้เต็มตากันไปเลย!!!

เอ้า! เข้าเรื่องกันหน่อย

ต่อไปนี้เป็นคำถามประโยคหนึ่งที่ถามเกี่ยวกับเรื่องการเรียนครับ


Have you finished your studies?

แฮฟว์ ยู ฟิสนิสดฺ ยัวร์ สตัดดี'ส

เรียนจบแล้วหรือยังครับ


ผมยกตัวอย่างขึ้นมาเองหนึ่งประโยคเพื่อเป็นแนวทางในการใช้ตอบคำถามข้างบนครับ


Yes, I have finished.

เยส ไอ แฮฟ ฟินนิชดฺ

ผม/ฉันจบแล้วครับ/ค่ะ


I graduated from Chulalongkorn University in 2014 with a B.B.A. in Hotel management.

ไอ แกรดูเอทด ฟรอม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอิน ทูเทาซั้นด์แอนด์โฟร์ทีน วิท เอ บีบีเอ อิน โฮเทล แมน'นิจเมินทฺ

 ฉันเรียนจบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสาขาบริหารการโรงแรมปี 2014


ถ้าเพื่อนๆยังไม่จบแต่ใกล้จบแล้ว ตอบแบบนี้ครับ


No, I havn't finished yet.

โน ไอ แฮฟวึน'ท ฟินนิชดฺ เย็ท

ผมยังไม่จบครับ


But I'm going to graduate in the next month .

บัท ไอ'ม โกอิ่ง ทู แกรดูเอท อิน เดอะ เนคซฺทฺ มันทฺ

แต่ผมจะจบเดือนหน้าครับ


Therefore, I would like to apply a job earier.

แธร์ฟอร์ ไอ วูด ไลคฺ ทู แอพพลาย เอ จอบ เออริเออร์

ผมจะสมัครงานไว้ก่อนแต่เนิ่นๆน่ะครับ


เพียงแค่ปรับเปลี่ยนคำศัพท์บางคำให้ตรงกับความเป็นจริงของเพื่อนๆเองก็เป็นอันใช้ได้แล้วครับ

การตอบคำสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษเกี่ยวกับคำถามเรื่องการเรียนการศึกษาส่วนใหญ่แล้วคุณก็จะตอบด้วยประเด็นหลักๆ 3 ประเด็นด้วยกันคือ


1] ชื่อของสถาบัน

2] ปีที่จบการศึกษา และ

3] สาขาวิชา


หากคุณตอบครบ ครอบคลุมทั้ง 3 ข้อตามที่คุณร่ำเรียนมา ก็ถือว่าเป็นการตอบที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์และเพียงพอแล้วล่ะครับ

แต่...อย่าลืมนะครับว่า คำถามยังมีอีกมากมายครับ การไปสัมภาษณ์งานแต่ละครั้งนั้น จะมีคณะกรรมการสัมภาษณ์ประมาณ 3-4 คุณด้วยกัน แต่ละคนก็จะถามคุณโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10 คำถามครับ

อา...คุณลองคำนวณดูสิครับว่า คุณจะต้องตอบคำถามทั้งหมดกี่ประโยคด้วยกันครับ?

คุณเชื่อหรือไม่ว่า ผู้สมัครงานบางคน แทบจะเดินออกจากห้องสัมภาษณ์งานไปถูกเลยล่ะครับ

เพระว่าอะไรน่ะหรือครับ

หน้ามืดวิงเวียนน่ะสิครับ

งั้นหากคุณไม่อยากอยู่ในภาวะการณ์แบบนั้น คุณก็ต้องเตรียมพร้อมสถานเดียวโดยไม่มีข้อยกเว้น (No exception)

สุดท้ายนี้ ขอฝากเพื่อนๆว่าอย่าลืมอ่านคำถามอื่นๆเพิ่มเติมอีกนะครับ ยิ่งอ่านมากยิ่งรู้มาก ยิ่งคุ้นเคยยิ่งมั่นใจครับ

*ถ้าไม่ต้องการให้ถูกถากถางเหน็บแนมลับหลัง หลังจากที่คุณเดินออกจากห้องสัมภาษณ์งานไปแล้วนั้น ก่อนคุณจะไปสัมภาษณ์งาน ต้องทำการบ้านให้หนักพอควรเสียก่อนครับ และนี่มันก็คือคาถาครับ:

จงอ่าน

จงพากเพียร

จงเรียน

และจงจำ...

เมื่อคุณทำได้อย่างที่ผมบอก ผมรับรองว่าคุณจะหลุดพ้นจากคำค่อนแคะกระแหนะกระแหนลับหลังอย่างแน่นอน และที่สุดของที่สุดยอดปรารถนาของคุณจะสำมะเร็จเสร็จโรงเรียนวัดลิงขบไปด้วยดีก็คือ

"คุณจะได้งาน ได้เงินตามความตั้งใจยังไงล่ะครับ"


Job Interview Tip Answer

 a. Why did you leave your job?

 b. When did you leave your job?

 c. What reason did you leave your job?

ลิ้งค์แนะนำ👉 : เผยเคล็ดลับเอ็กเซล : XCEL-GURU
ลิ้งค์แนะนำ👉 : ภาษาอังกฤษสำหรับพนักงานโรงแรม | English For Hotel Staffs

ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับ

Thanks for reading. Good luck! and get a job.

Posted by: Michael Leng

I've known, then I've grown.

See more articles

ความคิดเห็น

  1. คนไทยและเพลงชาติไทยจริงๆแล้วเก่งภาษาอังกฤษ แต่บางครั้งประหม่าและ nervous จนเกินไป จึงควรหาโอกาสให้ตัวเองได้พูดกับชาวต่างชาติมากขึ้นจะคุ้นเคยและลดความประหม่าได้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เป็นคำพูดที่ถูกใจใช่เลยครับ การได้ฝึกจะช่วยให้ชำนาญ การได้สัมผัสของจริงจะช่วยให้คุ้นเคยครับ

      I absolutely agree with you.

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ25 กรกฎาคม 2561 เวลา 11:05

    การเขียนบล็อกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณก็มีความพยายามที่จะแบ่งปันความรู้ตรงนี้กับคนที่หางานภาษาอังกฤษทำ ต้องขอบคุณอย่างมากที่สละเวลามาทำงานตรงนี้ครับ

    keep your good work!

    Thank you.

    ตอบลบ
  3. ด้วยความยินดครับ แต่ผมเองก็ยังต้องเรียนรู้เพิ่มเติมต่อไปครับ เพราะการเรียนรู้เปรียบเสมือนการหมุนของโลก หากมันยังไม่หยุดหมุน เท่ากับว่ามันยังมีอะไรรอให้เราค้นพ้นหาอยู่อีกครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บ้านคุณอยู่ไกลไหม(How Far Is It From Your House And Our Office?) | สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ

คุณเรียนจบด้านไหน(What Did You Study In College?) | วิธีสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ